หัวน้ำหอม ประกอบด้วยส่วนผสมที่มาจากธรรมชาติ และสารเคมี Arometic Chemicals หลายชนิด ดังนั้น จึงอาจก่อให้เกิดปฏิกิริยาทางเคมีขึ้นได้มากมาย ทั้งจากส่วนผสมด้วยกันเอง และจากปัจจัยภายนอกที่แวดล้อมอยู่
ปฏิกิริยาทางเคมีที่เกิดจากส่วนผสมด้วยกันเอง
ปฏิกิริรยานี้จะเกิดขึ้นเฉพาะตอนที่ผสมน้ำหอมเสร็จใหม่ๆ เท่านั้น เช่น กลิ่นไม่เหมือนต้นแบบ หรือจางลง เมื่อทิ้งน้ำหอมไว้สักพัก ตามกรรมวิธืที่เรียกว่า Aging จะทำให้กลิ่นคงที่เหมือนต้นแบบ และพร้อมสำหรับการใช้งาน ระยะเวลาในการทำ Aging นั้น ขึ้นอยู่กับส่วนผสมของน้ำหอม ซึ่งอาจใช้เวลาตั้งแต่ 1 สัปดาห์ จนถึง 1 เดือน แต่ส่วนใหญ่ผู้ผลิตน้ำหอมมักทำการ Aging มาแล้วจากโรงงาน ผู้ใช้จึงสามารถใช้งานน้ำหอมได้ทันที
ปฏิกิริยาที่เกิดจากปัจจัยภายนอก
1. อุณหภูมิ ควรเก็บหัวน้ำหอมไว้ในอุณหภูมิประมาณ 35 องศาเซลเซียส อุณภูมิที่ร้อนกว่านี้อาจทำลายส่วนผสมบางอย่าง ทำให้กลิ่นเปลี่ยนไปได้ ส่วนอุณหภูมิที่เย็นเกินไป ก็ไม่ดีสำหรับน้ำหอมชนิดแข็ง และขี้ผึ้ง เพราะจะทำให้เกิดการแยกตัวเป็นชั้นไขมันได้
2. อากาศ ส่วนประกอบในหัวน้ำหอม ซึ่งได้แก่ น้ำมัน ยาง และขี้ผึ้ง จะทำปฏิกิริรยากับอ๊อกซิเจนในอากาศ ทำให้กลิ่นเปลี่ยนไป จึงไม่ควรปล่อยให้น้ำหอมสัมผัสกับอากาศ ปกติการเก็บหัวน้ำหอมในถังที่ผู้ผลิตจัดให้ สามารถควบคุมปริมาณอากาศได้ดีอยู่แล้ว จึงไม่ควรเก็บน้ำหอมไว้ในถังที่ปิดฝาสนิท และเปิดออกเฉพาะตอนที่จะใช้งานเท่านั้น
3. แสง แสงสามารถทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นกับหัวน้ำหอม ได้เช่นเดียวกับอุณหภูมิ และอากาศ ดังนั้น จึงควรเก็บหัวน้ำหอมไว้ในถัง หรือภาชนะที่สามารถป้องกันแสดงได้ดี
4. ปัจจัยแวดล้อมขณะใช้งาน เมื่อเทหัวน้ำหอมออกใช้ ควรนำกลับคืนใส่ถังให้เร็วที่สุด ถ้าจำเป็นต้องผสมสี หรือสารกันเสียลงในหัวน้ำหอม ควรคนให้เข้ากัน โดยไม่ต้องใช้ความร้อน และเมื่อผลิตเป็นสินค้าออกมาแล้ว ควรบรรจุสินค้าในภาชนะที่ปิดสนิททันที เพื่อไม่ให้กลิ่นระเหย |
